บริการบริหารโครงการก่อสร้าง

2.4 กราฟ S-Curve วิเคราะห์สถานะ และความล่าช้าของโครงการก่อสร้าง

เราไม่ใช่แค่ที่ปรึกษา เราดูแล

โครงการของคุณเสมือนบ้านเราเอง

หนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการวิเคราะห์ และติดตามความคืบหน้าของโครงการก่อสร้า งคือ กราฟ S-Curve ซึ่งการมี คอนเซาท์ก่อสร้าง ซึ่งเป็นมืออาชีพด้านการบริหารโครงการก่อสร้างเป็นผู้จัดทำ และวิเคราะห์กราฟ S-Curve ให้นั้น จะช่วยให้เจ้าของโครงการมองเห็นภาพรวมของโครงการได้อย่างชัดเจน และสามารถแก้ไขปัญหาที่พบเจอในระหว่างการดำเนินการได้อย่างทันท่วงที

WHY US

เราไม่ใช่แค่ที่ปรึกษาที่คอยให้คำปรึกษาเท่านั้น เราลงไปตรวจงานก่อสร้างแทนคุณเพื่อให้คุณได้บ้านที่คุณภาพสูงสุด เราติดตามความคืบหน้าของงานก่อสร้างแทนคุณ เพื่อให้คุณได้เอาเวลาอันมีค่าของคุณไปโฟกัสงานด้านอื่นที่คุณต้องลงมือทำเอง.

2.4 กราฟ S-Curve วิเคราะห์สถานะ และความล่าช้าของโครงการก่อสร้าง

กราฟ S-curve

หนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการวิเคราะห์ และติดตามความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างคือ กราฟ S-Curve ซึ่งการมี คอนเซาท์ก่อสร้าง ซึ่งเป็นมืออาชีพด้านการบริหารโครงการก่อสร้างเป็นผู้จัดทำ และวิเคราะห์กราฟ แนวโน้มความล่าช้านี้ให้นั้น จะช่วยให้เจ้าของโครงการมองเห็นภาพรวมของโครงการได้อย่างชัดเจน และสามารถแก้ไขปัญหาที่พบเจอในระหว่างการดำเนินการได้อย่างทันท่วงที

ในการดำเนินโครงการก่อสร้าง การติดตามสถานะความคืบหน้า และประเมินความล่าช้าของโครงการ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถติดตามสถานการณ์ของโครงการในภาพรวมได้ง่าย และช่วยให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น

กราฟ S-Curve คืออะไร
S-Curve เป็นกราฟที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง เวลา (Time) กับ ความคืบหน้าของงานก่อสร้าง (Progress) โดยมีลักษณะคล้ายตัวอักษร S ประกอบด้วย 3 ช่วงสำคัญ ตามธรรมชาติของงานก่อสร้างโดยทั่วไป คือ

  1. ช่วงเริ่มต้น (Initial Phase) งานเริ่มต้นดำเนินการ ความคืบหน้ายังเกิดขึ้นได้น้อย เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการวางระบบการทำงาน และการเตรียมการต่างๆ 
  2. ช่วงกลาง (Intermediate Phase) – งานก่อสร้างเข้าสู่ช่วงที่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะเริ่มทำงานไปอย่างมีระบบชัดเจน และเป็นช่วงงานที่ไม่ต้องการความละเอียดมากนัก
  3. ช่วงท้าย (Final Phase) – งานใกล้เสร็จสมบูรณ์ ความคืบหน้าจะลดลง เนื่องจากเป็นงานรายละเอียด งานตกแต่ง ความสวยงาม จึงใช้เวลาในการดำเนินการมากขึ้น

บทบาทของคอนเซาท์ก่อสร้างในการจัดทำ และวิเคราะห์S-Curve

  1. จัดทำกS-Curve เพื่อเปรียบเทียบแผนงาน กับสถานะจริง
    คอนเซาท์ก่อสร้างจะจัดทำ S-Curve โดยใช้ข้อมูลจาก แผนงานก่อสร้าง (Master Schedule) และ สถานะงานจริง (Actual Progress) เพื่อเปรียบเทียบความคืบหน้า และวิเคราะห์ความล่าช้าของโครงการ
  2. วิเคราะห์ความล่าช้า
    หากเส้นกราฟสถานะจริงต่ำกว่าเส้นกราฟแผนงาน จะชี้ให้เห็นว่าโครงการมีความล่าช้า คอนเซาท์ก่อสร้างจะวิเคราะห์หาสาเหตุว่ามาจากอะไร เช่น ปัญหาจากการจัดหาวัสดุ, ความล่าช้าในการส่งมอบงานจากผู้รับเหมาหลักให้ผู้รับเหมาย่อยอื่นๆ หรือปัจจัยด้านสภาพอากาศ หรือข้อจำกัดอื่นๆ
  3. ให้คำแนะนำในการแก้ไขความล่าช้า
    เมื่อพบสาเหตุของปัญหาความล่าช้า คอนเซาท์จะเสนอแนวทางการแก้ไขให้กับเจ้าของโครงการ และผู้รับเหมา เช่น ให้ปรับเพิ่มกำลังคนหรือเครื่องจักร, ปรับลำดับงานในแผนงาน, เพิ่มเวลาในส่วนงานที่สำคัญ (Critical Path) หรือปรับแก้วิธีการก่อสร้าง หรือการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. ประเมินสถานะของโครงการอย่างต่อเนื่อง
    คอนเซาท์ก่อสร้างจะทำการอัพเดท S-Curve เป็นระยะ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง และรายงานผลการวิเคราะห์ให้เจ้าของโครงการทราบในทุกช่วงสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับโครงการ
  5. สนับสนุนการตัดสินใจของเจ้าของโครงการ
    ด้วยข้อมูลจาก S-Curve คอนเซาท์สามารถช่วยเจ้าของโครงการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ เช่น การเพิ่มงบประมาณ การปรับเปลี่ยนผู้รับเหมา หรือการขยายเวลาโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า

ประโยชน์ของการมีคอนเซาท์ก่อสร้างช่วยจัดทำกราฟ S-Curve

  1. มองเห็นภาพรวมของโครงการได้ชัดเจน
    เจ้าของโครงการสามารถทราบสถานะความคืบหน้าของโครงการ และเปรียบเทียบกับแผนงานหลักได้ จึงสามารถทราบสถานะปัจจุบันของโครงการได้ในทันที
  2. วิเคราะห์ และแก้ไขความล่าช้าได้อย่างรวดเร็ว
    การวิเคราะห์ความล่าช้าจาก S-Curve ช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถพบแนวโน้มที่จะเกิดปัญหา และดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดผลกระทบร้ายแรง
  3. สนับสนุนการสื่อสารในทีมงาน
    S-Curve เป็นแผนภูมิการสื่อสารที่เข้าใจได้ง่าย ช่วยให้ทุกฝ่ายในโครงการเข้าใจสถานะของงานได้ตรงกัน  และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. เพิ่มความโปร่งใสในโครงการ
    เจ้าของโครงการสามารถตรวจสอบความคืบหน้า และประเมินผลการดำเนินงานของผู้รับเหมาได้อย่างตรงไปตรงมาตามเหตุผล ไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามามีผลกระทบ
  5. ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสความสำเร็จของโครงการ
    การติดตามสถานะโครงการอย่างใกล้ชิดช่วยลดความเสี่ยงจากความล่าช้า ช่วยป้องกันการเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบร้ายแรง และเพิ่มโอกาสที่โครงการจะเสร็จตามแผนงาน

สรุป
กราฟ S-Curve เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้โครงการก่อสร้างดำเนินไปอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ การมีคอนเซาท์ก่อสร้างมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดทำ S-Curve และวิเคราะห์สถานะโครงการช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถมองเห็นภาพรวม เห็นแนวโน้มสถานการณ์ สามารถติดตามความคืบหน้า และแก้ไขปัญหาความล่าช้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อความสำเร็จของโครงการในระยะยาว

เราแนะนำคลิปเพิ่มเติม >>> ความสำคัญของ CM หรือคอนเซาท์ในงานก่อสร้าง ได้ที่เพจเฟซบุ๊ค วิศวะการันตี

หรือติดตามพวกเราได้ที่ : เพจ : วิศวะการันตี

อยากรู้จักเรา : เราเป็นใคร?

#เพิ่มเวลาในส่วนงานที่สำคัญ #ประเมินสถานะของโครงการ #S-Curve #การติดตามความคืบหน้า #การตัดสินใจของเจ้าของโครงการ #การเพิ่มงบประมาณ #การปรับเปลี่ยนผู้รับเหมา #ขยายเวลาโครงการ #ความโปร่งใสในโครงการ #ลดความเสี่ยง #โอกาสความสำเร็จของโครงการ #วิศวะการันตี  #วิศวะกรุ๊ป

รูปตัวอย่างงานบริหารโครงการของเรา