เมื่อเจ้าของโครงการผ่านขั้นตอนการออกแบบ และมีแบบก่อสร้างที่ตรงกับความต้องการแล้ว แต่เมื่อถึงขั้นตอนการตรวจสอบ BOQ. (Bill of Quantities) และประมาณราคาก่อสร้างแล้วพบว่าเกิดกรณีค่าก่อสร้างเกินงบประมาณที่ได้ตั้งไว้

ซึ่งอาจเป็นเพราะในระหว่างที่ทำการออกแบบ เจ้าของโครงการอาจจะมีไอเดียที่บรรเจิดจากการไปดูงานแฟร์ที่โชว์บ้าน และงานตกแต่งต่างๆ หรืออาจผ่านบ้าน หรืออาคารสวยๆ หลังนั้นหลังนี้ แล้วเกิดอยากได้แบบนั้นๆ ขึ้นมาบ้าง ตัวผู้ออกแบบเองก็จะพยายามนำความต้องการต่างๆ ของเจ้าของโครงการมารวมไว้ในการออกแบบให้ได้มากที่สุด จนทำให้ราคาค่าก่อสร้างหลุดงบประมาณไปไกล นี่คือปัญหาที่พบบ่อยในการออกแบบบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ หรือโครงการก่อสร้างแทบทุกประเภท ทำให้เกิดกรณีค่าก่อสร้างเกินงบประมาณ

การปรับ Concept Drawing ให้เหมาะสมโดยไม่กระทบต่อความต้องการหลักของเจ้าของโครงการตามหลักวิศวกรรมคุณค่า (Value Engineering) จึงเป็นแนวทางที่สำคัญที่ช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถลดต้นทุนก่อสร้างได้โดยไม่ลดคุณภาพมาตรฐานของงานก่อสร้าง และยังคงรักษาความสวยงาม และฟังก์ชันการใช้งานเอาไว้ได้อย่างสมดุล

สาเหตุที่เกิดกรณีค่าก่อสร้างเกินงบประมาณ

สาเหตุที่ค่าก่อสร้างสูงเกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ อาจมาจากหลายปัจจัย เช่น

• การเลือกใช้วัสดุเกินมาตรฐานที่จำเป็น เช่น ใช้วัสดุระดับพรีเมียมในจุดที่อาจไม่จำเป็น
• พื้นที่ใช้สอยอาคารใหญ่กว่าที่จำเป็น ทำให้มีปริมาณวัสดุ และแรงงานเพิ่มขึ้น
• โครงสร้างซับซ้อนเกินไป เช่น การใช้คานยื่นมากเกินไป การเลือกใช้โครงสร้างพิเศษมากเกินไป
• งานระบบไฟฟ้า ประปา ที่ซับซ้อนเกินความจำเป็น ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
• ข้อกำหนดพิเศษหรือดีไซน์เฉพาะทาง เช่น กระจกขนาดใหญ่พิเศษ ระบบบ้านอัจฉริยะ ฯลฯ
• การประมาณงบเบื้องต้นต่ำกว่าความเป็นจริงเมื่อเทียบกับความต้องการ ทำให้เมื่อเข้าสู่กระบวนการถอดแบบ BOQ. แล้วพบว่าต้นทุนสูงเกินกว่าที่คาด

แนวทางปรับ Concept Drawing ให้เหมาะสมกับงบประมาณ

1. ปรับลดขนาดพื้นที่อาคาร

1. วิเคราะห์การใช้พื้นที่ ตัดพื้นที่ที่ไม่จำเป็นออก หรือปรับให้พื้นที่ใช้สอยมีฟังก์ชันที่คุ้มค่ามากขึ้น
2. ลดความซับซ้อนของดีไซน์ เช่น ลดพื้นที่ยื่นล้ำ ระดับพื้นที่ซับซ้อน หรือออกแบบให้เรียบง่ายขึ้นเพื่อลดต้นทุนโครงสร้าง

2. ปรับโครงสร้างให้เหมาะสม

1. เลือกโครงสร้างที่ลดต้นทุน หลีกเลี่ยงคานยื่น และเสาที่รับน้ำหนักสูง ทำให้เปลืองวัสดุในการก่อสร้าง เป็นโครงสร้างมาตรฐานที่กระจายน้ำหนักได้ดีขึ้น
2. ลดการใช้วัสดุเกินความจำเป็น เช่น ปรับขนาดเสา คาน พื้น ให้เหมาะสมกับการรับน้ำหนักโดยไม่ใช้วัสดุมากเกินไป ตามหลักวิศวกรรมโครงสร้างเรื่องความประหยัดทรัพยากร แต่ยังคงความแข็งแรง และใช้งานได้ดี

3. ปรับเลือกวัสดุให้เหมาะสม

1. เลือกวัสดุทดแทนที่มีคุณภาพใกล้เคียงแต่ต้นทุนต่ำกว่า เช่น

• เปลี่ยนหินแกรนิตนำเข้า เป็นหินสังเคราะห์
• ใช้อิฐมวลเบาแทนอิฐมอญ เพื่อลดน้ำหนักโครงสร้าง และการติดตั้งรวดเร็วกว่า
• ใช้ไม้สังเคราะห์แทนไม้จริง ลดค่าใช้จ่าย และการดูแลรักษาระยะยาว

2. เปรียบเทียบราคาวัสดุจากหลายแหล่ง การเลือก และเปรียบเทียบวัสดุจากผู้จำหน่ายหลายรายจะช่วยลดต้นทุนได้

4. ปรับเปลี่ยนงานระบบไฟฟ้า-ประปา

1. ลดความซับซ้อนของระบบ เช่น ลดจำนวนจุดไฟฟ้าสำหรับงานตกแต่งที่เกินความจำเป็น
2. เลือกอุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน

5. ปรับแผนงานก่อสร้าง และวิธีดำเนินการ

1. วางแผนระยะเวลาก่อสร้างให้เหมาะสม ช่วยลดต้นทุนแรงงาน และค่าใช้จ่ายแฝง
2. วางแผนสั่งซื้อวัสดุล่วงหน้า หรือดีลกับร้านค้าในปริมาณสูง จะทำให้สามารถต่อรองราคาได้ ป้องกันราคาวัสดุผันผวน ลดต้นทุนจากการสั่งซื้อล่าช้า และช่วยควบคุมงบประมาณ

การปรับ Concept Drawing อย่างมีประสิทธิภาพ

การปรับแบบก่อสร้างให้ลดต้นทุน ต้องได้รับคำแนะนำเชิงเทคนิคจากสถาปนิกและวิศวกร โดยควรพิจารณาทั้งความแข็งแรงด้านโครงสร้าง ความปลอดภัยในงานระบบ และฟังก์ชันการใช้งานในด้านสถาปัตยกรรม เพื่อให้การลดต้นทุน ไม่กระทบกับคุณภาพงานก่อสร้าง และการใช้งานในระยะยาว

การปรับแบบที่มีประสิทธิภาพควรมีแนวทางดังนี้

• ยังคงไว้ซึ่งแนวคิดหลักของการออกแบบ(Design Concept) และฟังก์ชันที่เจ้าของต้องการ
• เลือกปรับลดในจุดที่มีผลกระทบน้อยต่อการใช้งาน เช่น พื้นที่ที่ไม่จำเป็น งานตกแต่ง ฯลฯ
• ลดค่าใช้จ่ายโดยใช้หลักการวิศวกรรมคุณค่า Value Engineering (VE) ปรับเปลี่ยนวิธีการก่อสร้าง คงมาตรฐานความปลอดภัย และใช้วัสดุให้คุ้มค่าที่สุด

ตัวอย่างแนวทางปรับแบบเพื่อลดต้นทุน

1. การลดจำนวนเสาหรือขนาดโดยยังคงความแข็งแรงตามหลักวิศวกรรม ช่วยลดต้นทุนด้านคอนกรีต และเหล็กเสริม แต่การปรับโครงสร้างในลักษณะนี้ ต้องอยู่ในความดูแลของวิศวกรโครงสร้างผู้ออกแบบ

2. เปลี่ยนวัสดุปูพื้นจากหินธรรมชาติ เป็นหินเทียม จะช่วยลดต้นทุนด้านวัสดุลงได้ 20-30%

3. ลดจำนวนจุดติดตั้งไฟตกแต่งที่ไม่จำเป็น สามารถลดค่าวัสดุ และค่าแรงติดตั้งลงได้ ทั้งยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาวอีกด้วย

4. การใช้ประตู-หน้าต่างอลูมิเนียมตามมาตรฐาน แทนการเลือกใช้อลูมิเนียมเกรดพรีเมียม หรือเกรดติดแบรนด์ที่มีราคาสูงเกินจริง ก็จะช่วยลดต้นทุนลงได้ราวๆ 10-15%

5. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบหลังคา หรือวัสดุมุงหลังคา สามารถลดต้นทุนค่าวัสดุลงได้

ข้อดีของการปรับ Concept Drawing ให้สอดคล้องกับงบประมาณ

1. ช่วยให้โครงการสามารถดำเนินการก่อสร้างได้จริง โดยไม่ต้องลดคุณภาพ
2. ลดความเสี่ยงด้านงบประมาณ ป้องกันปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลาย
3. สร้างบ้านได้ตรงกับงบประมาณที่ตั้งไว้ โดยยังคงได้แบบที่ตรงกับความต้องการ
4. ป้องกันปัญหาต้องแก้ไขแบบหน้างาน ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นกว่าเดิม
5. ช่วยให้ผู้รับเหมาสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะแบบก่อสร้างชัดเจนแต่แรก และอยู่ในงบประมาณตามที่ตกลงกัน

สรุป

การปรับ Concept Drawing เพื่อลดต้นทุนก่อสร้าง เป็นกระบวนการที่สำคัญและต้องทำอย่างรอบคอบ เจ้าของโครงการควรทำงานร่วมกับสถาปนิก วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง เพื่อให้การลดต้นทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ลดทอนคุณภาพ ความปลอดภัย และฟังก์ชันการใช้งานของอาคาร หากคุณกำลังประสบปัญหางบประมาณก่อสร้างเกินแผนที่วางไว้ การปรับ Concept Drawing อย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมต้นทุนได้ และสามารถดำเนินโครงการก่อสร้างได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ

ดูคลิปน่าสนใจเพิ่ม >>> BOQ คือ? ได้ที่เพจเฟซบุ๊ค วิศวะการันตี

หรือติดตามพวกเราได้ที่ : เพจ : วิศวะการันตี

อยากรู้จักเรา : เราเป็นใคร?

#ปรับแบบก่อสร้าง #ConceptDrawing #ลดต้นทุนก่อสร้าง #ควบคุมงบประมาณ #แบบก่อสร้างบ้าน #BOQก่อสร้าง #ValueEngineering #วิศวกรคำนวณโครงสร้าง #ปรับแปลนบ้าน #สถาปนิกออกแบบบ้าน